top of page

เงือก

รางวัลสุภาว์เทวกุล 2556

 

            จำได้ว่าเจอแกอีกครั้งตอนเรียนมัธยมเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ผมแสดงท่าทางแปลกๆ ต่อหน้าเฒ่าตะโหมดอยู่นาน  หวังว่าแกจะจำผมได้ง่ายดายกว่านั้น แต่ก็เปล่า จึงพยายามทำท่าใหม่ที่คิดว่าแกสามารถจำได้ซ้ำๆ ได้ผล จากการโคลงหัวนั่งนิ่งอยู่ด้วยความแปลกใจ กลายเป็นยิ้มแหยๆ แล้วจึงค่อยหัวร่อออกมา  ผมยังจำช่วงไหล่ผายกว้างแบบนักว่ายน้ำของแกได้ไม่ลืม แม้ร่างไม่สูงมากนัก แต่กล้ามสวยดูสมส่วน  ผิวเกรียมแดดเป็นมันปลาบราวกับมีน้ำมันเคลือบผิวบางๆ อยู่ตลอดเวลา  แกมีเค้าหน้าแปลกประหลาดตรงใบหูทั้งสองข้างแนบติดเป็นเนื้อเดียวกับกกหู มองเผินๆ เหมือนมีแต่รูหูดูพิลึกคน

            ย้อนหลังไปสมัยหนึ่ง เด็กรุ่นผมเคยเชื่ออย่างจริงจังว่าเฒ่าตะโหมดไม่ใช่คน แกไม่ชอบสมาคมกับใครเลย เด็กๆ จึงพากันหวาดกลัว รวมทั้งผมด้วย แต่เนื่องจากสวนหลังบ้านผมชนแดนกับกระท่อมของแก หากเพื่อนๆ อยากรู้ความเคลื่อนไหวอันลึกลับของตาเฒ่า  ผมจึงถูกลงขันจ้างด้วยขนมบางทีรวมหัวกันบังคับให้ไปหาข่าวในถิ่นของแก 

          วันนั้นฝนตกหนัก ผมตัดใบกล้วยมาปรกหัว อีกมือหิ้วพวงลูกหว้าเลาะตามริมรั้ว เล็ดรอดเข้าไปในที่ของเฒ่าตะโหมด ได้ตำแหน่งเหมาะจึงนั่งซุ่มแถวกอข่ากินลูกหว้าไปพลางสังเกตการณ์ เสียงฝนตกกระทบกราวในป่ากล้วยและหยดลงดินเป็นท่วงทำนอง กำลังเผลอไผลกับเสียงฝน จู่ๆ เฒ่าตะโหมดโผล่พรวดออกมาระหว่างกอข่าใกล้ๆ นั่นเอง ผมตกใจสุดขีดกระโดดผลุงได้จะวิ่งหนี  แกคว้าหัวไหล่ไว้แล้วคล้องใบตองกลัดไม้ร้อยตอกติดบ่าไปขณะผมวิ่งเตลิด ถึงบ้านจึงรู้ว่าเป็นใบตองห่อไข่ปลาสดๆ คืนนั้นแม่ทำห่อหมกไข่ปลาใส่พริกลูกหรอกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นับจากวันนั้น มิตรภาพระหว่างผมกับเฒ่าตะโหมดจึงผลิบานขึ้น  แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องน่ายินดีนี้ให้กลุ่มเพื่อนๆ ฟัง กลับเก็บงำและคึกคะนองต่อไปอีกตามประสาเด็ก  ผมเล่าเรื่องให้เฒ่าตะโหมดดูเร้นลับขรึมขลังยิ่งขึ้น เพียงเพราะไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายการผจญภัยของผม

          ในโลกอันเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจของตาเฒ่าตะโหมดแห่ง “ โกนปาว ” ชื่อของวังน้ำเป็นที่กล่าวขานเรื่องความลึกสุดหยั่งและเยียบเย็น วังน้ำแห่งนี้กลืนชีวิตผู้คนคึกคะนองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์มานักต่อนักด้วยตะคริว โกนปาวเป็นวังน้ำชื่อหนึ่งในหลายชื่อตลอดสายน้ำกว้างใหญ่ ซึ่งทอดตัวคดโค้งไปตามเคี้ยวคดของตลิ่ง บ้างซอกซอนลึกเข้าในแผ่นดินกลายเป็นวังปลา บ้างว่าน้ำนิ่งบางแห่งมีถ้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ เป็นที่อาศัยของจระเข้เจ้าที่ซึ่งมีผู้พบเห็นตัวอยู่บ่อยๆ ในยามค่ำคืน  สถานที่ต้องห้ามเหล่านี้ต่างมีเรื่องเล่าซึ่งเป็นไปเองโดยธรรมชาติ  ไม่มีใครอยากเข้าไปโดยไม่จำเป็น เพราะเรื่องเล่าอันมืดดำได้ส่งผลถึงจิตใจของชาวบ้าน แต่สถานที่ต้องห้ามเหล่านั้นเฒ่าตะโหมดไปเยือนมาแล้วทั้งหมด  ด้วยความอยู่รอดปลอดภัย

            ในวัยเด็กสายน้ำเต็มไปด้วยจินตนาการอันชวนพิศวง  เชื่อมโยงสู่วิถีชีวิตของชาวบ้านอันแสนห่างไกลความเจริญ  เรื่องราวบางเรื่องซ่อนนิ่งอยู่ในลำน้ำสีเขียวเข้มด้วยความลึกเกินหยั่ง นอกจากความน่าหวาดหวั่นของสายน้ำแล้ว อีกหนึ่งเรื่องราวคือเฒ่าตะโหมดผู้เป็นที่เกรงกลัวของเหล่าเด็กๆ สมัยนั้นเสียงเล่าลือในกลุ่มเพื่อนซึ่งกล่าวขานกันไม่รู้จบ เกี่ยวกับตาเฒ่าผู้ไม่ใช่คน ชอบอยู่แต่ในน้ำ แม้ยามค่ำคืนดึกดื่นแล้วก็ตามยังมีคนเห็นแกแหวกว่ายอยู่อย่างไม่อินังขังขอบต่ออะไร   เฒ่าตะโหมดคือมนุษย์เพียงผู้เดียวในหมู่บ้านที่หายใจใต้น้ำ  กระทั่งมีมนต์เรียกปลาได้ตามต้องการ  แปลกประหลาดไม่สังคมโลก เสียงเล่าลือเป็นอย่างนั้น

            ผมสนุกกับความรู้สึกท้าทายสิ่งซึ่งเด็กคนอื่นหวาดผวาระคนอยากรู้  แต่ไม่มีใครกล้าพิสูจน์สักคน การแสดงบทบาทของผู้กุมความลับในเรื่องที่ทุกคนใคร่รู้นั้นไว้  เต็มไปด้วยอำนาจต่อรอง หมู่เพื่อนนับถือและยอมรับผมราวเทพเจ้าเมื่อรู้ว่าผมเข้าใกล้เฒ่าตะโหมดได้เพียงใด  กระนั้นผมตั้งใจขยักเรื่องราวซึ่งติดตามแกไปตามคุ้งน้ำไว้  หลากหลายพฤติกรรมสุดคาดเดาของตาเฒ่านี้เอง  เป็นที่มาของเรื่องเล่าซึ่งคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง  แต่บางเรื่องมีความจริงอยู่ด้วยเช่นเฒ่าตะโหมดมีพรสวรรค์ในการดำน้ำอึดมากและว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว  เมื่อแกดำลงไปจึงคาดเดาไม่ได้ว่าจะโผล่ที่ใดซึ่งไกลออกไปพ้นสายตาของผม กับอีกเรื่องซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของตาเฒ่าจริงๆ คือจับปลาด้วยมือเปล่า วันนั้นผมเห็นเต็มสองตา แกพายเรือเข้าไปตรงวังน้ำกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง  น้ำนิ่งสงบปราศจากคลื่นเนื่องจากมีตะพักสูงพ้นจากแรงลม  ครั้งนั้นตาเฒ่าสร้างความมหัศจรรย์โดยการใช้ฝ่ามือตีบนผิวน้ำเบาๆ สม่ำเสมอ  หันรีหันขวางก่อนดำน้ำลงไปชั่วครู่  พริบตาจึงทะลึ่งขึ้นมาพร้อมกับกระสูบขีดตัวเขื่องในมือ ปลาล่าเหยื่อจอมปราดเปรียวตัวนั้นพยายามดิ้นสะบัดเพื่อให้เป็นอิสระจากนิ้วมือที่แข็งเกร็ง  แกโยนปลาเคราะห์ร้ายตัวนั้นขึ้นมาบนเรือและดำลงไปใหม่อีกสองครั้ง  ทุกครั้งเฒ่าตะโหมดจะชูปลาขึ้นเหนือน้ำ  เมื่อถึงบ้านแกจัดแจงร้อยเหงือกปลาสองตัวให้ผม  ส่วนของแกเอากลับไปแค่ตัวเดียว เวลาส่วนใหญ่นั้นตาเฒ่ามักดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอย่างมีความสุข ผมชอบดูท่วงท่าในน้ำอันพลิ้วไหวราวกับปลาของแก เป็นอย่างนี้เสมอ

          ผมคุยโวกับเพื่อนว่าสาเหตุที่ตาเฒ่าตะโหมดไม่พูดกับใครนั้นเนื่องจากแกต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด  เพราะตาเฒ่ามีวิชาเรียกปลาได้ดังใจ  เพื่อนทุกคนทำตาโตล้อมวงกระชับเข้ามาฟังอย่างเงียบกริบ  การตั้งอกตั้งใจฟังของเหล่าเพื่อนทำให้ผมกระตือรือร้นที่จะแต่งเรื่องเล่าให้ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น  ผมเก็บงำความลับเรื่องแกเป็นใบ้ด้วยวิชาพิสดารของแกเอง 

            ตาเฒ่าตะโหมดดูผูกพันกับลำน้ำของแกมาก ยามที่แหวกว่ายในน้ำประหนึ่งอยู่ใจกลางโลกอีกใบหนึ่ง เป็นโลกซึ่งงดงามสงบเย็นเฉพาะของตาเฒ่าแต่เพียงผู้เดียว  สมัยนั้นพืชน้ำที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำขนาดเล็กยังมีมาก  ทั้งปลาเกล็ดปลาหนังหลากหลายสายพันธุ์ยังคงอุดมสมบูรณ์  ปลาซึ่งติดเบ็ดหรือตาข่ายของใครถือว่าเป็นวันซวยคือปลาบู่ เป็นต้องเปลี่ยนที่ลงเบ็ดใหม่เพื่อแก้ทาง ปัจจุบันปลาบู่ถือเป็นอาหารระดับภัตตาคารและมีราคาแพง ข่ายตาห่างเมื่อดึงขึ้นจากน้ำล้วนเต็มไปด้วยปลาต่างสายพันธุ์ติดมากับตาข่ายเป็นพวงจนขี้เกียจปลด  เบ็ดลอยซึ่งผูกทุ่นไว้กับกอหญ้าทั้งตื้นและลึกมีโอกาสติดปลาเป็นส่วนมาก  ผมมักติดเรือเฒ่าตะโหมดไปดูแกดำน้ำจับปลาด้วยมือเปล่าเสมอโดยไม่รู้เบื่อ  กระทั่งโตถึงวัยเข้าเรียนมัธยมเส้นทางชีวิตของผมจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง  ผมค่อยๆ เหินห่างจากตาเฒ่ากระทั่งไม่ได้เจอแกเป็นนาน หลังจบมัธยมปลายเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลายปี คร่ำเคร่งกับการเรียนจนเบียดบังความจำเกี่ยวกับตาเฒ่าเสียสนิท เมื่อออกมาหางานทำได้แล้วจึงย้ายครอบครัวไปอยู่เมืองหลวง  ความทรงจำเกี่ยวกับเฒ่าตะโหมดได้ถูกกาลเวลาชะล้างพรากหายไปจนหมดสิ้น

            ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดผมจึงต้องกลับมาเยือนสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง  ราวกับสายน้ำแห่งนี้เพรียกหาอยู่ลึกๆ ผมเริ่มทบทวนความฝันประหลาดในคืนหนึ่งของตนเอง  ตรงสายน้ำกว้างใหญ่และคดเคี้ยวในยามค่ำคืน  จันทร์ทอดวง สถาปนาอาณาจักรแห่งรัตติกาลด้วยหมู่เงาน้อยใหญ่ทั้งบนบกและในเวิ้งน้ำ  คลับคล้ายว่าในฝันปรากฏร่างเงาหนึ่งแหวกว่ายอยู่เหนือน้ำด้วยท่าทางแสนคุ้นเคย  ร่างเงานั้นโบกมือให้ผมก่อนดำน้ำหายไป

            หมู่บ้านเปลี่ยนไปมาก  ครั้งกระโน้นตอนย้ายครอบครัวเข้าเมืองหลวง  ที่นี่แทบเป็นหมู่บ้านร้าง  ผู้คนถูกการอพยพลำเลียงออกไปปานสายน้ำหลาก แม้ว่าการย้ายถิ่นฐานนั้นมีส่วนช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้สดสะพรั่งขึ้นมาบ้าง ทว่ายุคนั้นเราไม่ปรารถนาความอุดมสมบูรณ์ เราปรารถนาเงิน

            นับแต่ขับรถเคลื่อนผ่านทางเข้าหมู่บ้านมา ผมเห็นบ้านเรือนปลูกติดกันอย่างหนาแน่น  มองเข้าไปในบ้านแต่ละหลังมีกระสอบปุ๋ยอัดแน่นด้วยสิ่งที่อยู่ภายในตั้งเรียงกองพะเนิน  ตาข่ายตาถี่สีฟ้าแบบเดียวกับมุ้งสำหรับคลุมปลูกผักกันแมลงม้วนใหญ่ซุกอยู่แถวๆ โรงเก็บรถ ทุกบ้านมีรถยนต์กระบะหรือเก๋งอย่างน้อยหนึ่งคัน เครื่องเรือหางยาว รถสามล้อติดพ่วงข้าง บ้านทุกหลังมีอุปกรณ์เหล่านี้คล้ายๆ กัน ผมคิดเตลิดไปไกลรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล

            ฝุ่นจากการตะกุยของล้อรถไถปลิวคลุ้งกินบริเวณกว้างทำให้บรรยากาศทั้งชวนอึดอัดและร้อนรน  หลังจากแวะเข้าไปในร้านขายของชำซึ่งมีลูกค้าเข้าออกไม่ว่างเว้น  ไม่น่าเชื่อว่าหมู่บ้านเล็กๆ ทั้งไม่ใช่ทางผ่านกลับเต็มไปด้วยความคึกคักขนาดนี้ ผมสังเกตภายในร้าน หลายรายการเป็นสินค้าทันสมัย บ่งบอกฐานะการเงินของผู้คนในหมู่บ้านอันไม่ธรรมดา เพราะแม่ค้าย่อมหาสินค้าซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้ามาขาย  ผมไม่คิดจะค้างคืน  เพียงแต่ขับรถจากตัวอำเภอลึกเข้ามา เพื่อรอเวลาทำภารกิจสำคัญที่จังหวัดในวันรุ่งขึ้น  แม่ค้าเป็นหญิงสูงอายุพูดจาไพเราะกับลูกค้าด้วยอัธยาศัยไมตรี นี่คงเป็นปัจจัยหนึ่งกระมัง ลูกค้าจึงได้นิยมมาซื้อหาจับจ่ายที่ร้านนี้จนดูวุ่นวายตลอดเวลา  ถึงขั้นทางร้านต้องหาคนมายืนประจำถังพลาสติกใบใหญ่สีน้ำเงิน เพื่อจ้วงตักน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกให้ลูกค้าได้อย่างทันใจ

            ผมซื้อน้ำอัดลมเย็นเฉียบเลี่ยงไปนั่งใต้ร่มราชพฤกษ์  อากาศร้อนระอุทั้งที่เป็นหน้าหนาว แม่ค้าโบกมือสั่งงานเด็กในร้านแล้วเดินเข้ามาในร่มไม้ คงเห็นผมเป็นคนแปลกหน้าจึงต้องการมาพูดคุยถามไถ่

            “ ผมเคยอยู่ที่นี่ครับ เมื่อก่อนทุกบ้านหาปลาพอได้อยู่ได้กิน ไม่ต้องห่วงเรื่องกินแต่ยากจนเลยต้องดิ้นรนไปหางานทำที่อื่น เดี๋ยวนี้เขาทำอะไรกันครับยาย ดูมีเงินมีทองคล่องเนื้อคล่องตัว ”  ผมก้มดูดน้ำในขวดอย่างกระหายก่อนมองผ่านเกลียวแดดบ่ายที่เต็มไปด้วยฝุ่นออกไป

            “ ที่นี่ไม่เหมือนเดิม มีแต่คนแปลกหน้าแหละจ้ะ ” เจ้าของร้านชำพูดยิ้มๆ “ ทำอาชีพใหม่ เลี้ยงปลากันทุกบ้านแหละพ่อหนุ่ม รองลงมาก็ทำไร่อ้อย ไร่มัน ”

            ผมพอเดาออกว่าปลาที่เลี้ยงกันทุกบ้านคงเป็นปลากระชัง ไม่พ้นเป็นโครงการของบริษัททั้งหลายที่เข้ามาอบรมวิธีดูแล  ผลักภาระให้ชาวบ้านเป็นฝ่ายเลี้ยงทั้งยังต้องรับความเสี่ยงเอง จนถึงเวลาเก็บผลผลิตบริษัทจึงเข้ามารับซื้อตามราคาที่กำหนด โดยหักค่าอาหารเม็ดสำเร็จรูปซึ่งบริษัทเป็นผู้ผูกขาดขายให้ ค่ายา ค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ ผมมองเห็นไปถึงอนาคตว่าจุดจบจากการเลี้ยงปลากระชังของหมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์อย่างนี้ในพื้นที่อื่น เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะเกิดขึ้นกับหมู่บ้านอันห่างไกลเช่นนี้ ระหว่างครุ่นคิดสายตาเหลือบไปทางหลังร้านเห็นกระสอบปุ๋ยวางซ้อนกันเป็นตั้งๆ นอกจากขายของชำแล้วร้านนี้ยังมีรายได้ทางอื่นด้วยการเลี้ยงปลา

            “ ป้าเลี้ยงกี่กระชังครับ ”

            “ สองกระชังจ้ะ ยี่สิบหลุม ให้ลูกๆ มันดูแล นี่ก็ใกล้จับแล้ว เที่ยวนี้ปลาตายน้อยถ้าได้ปลาหลุมละตันกว่า หักค่าหัวอาหารแล้วน่าจะกำไรโขอยู่”

            นั่งคุยอยู่พักใหญ่จึงนึกขึ้นได้ว่ามัวแต่สนใจอย่างอื่นจนลืมสายน้ำที่เคยว่ายเล่นแทบทุกวันในสมัยเด็ก  ผมจึงขอตัวออกจากร้านขายของชำ เดินลงไปตามถนน จุดนี้ทอดสายตาออกไปไม่ไกลนักแลเห็นลำน้ำอ้อมจากทางด้านขวามือ โค้งเป็นวงไปตามทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวเตี้ยๆ แซมด้วยตอไม้ระเกะระกะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่  ตอไม้งามๆ ถูกชาวบ้านนำไปใช้ประโยชน์จนหลงเหลืออยู่น้อยเต็มที เหลือแต่ตอกระดำกระด่างคดงอไม่งาม ทำให้ทัศนียภาพที่เคยน่าดูในอดีตกลายเป็นยิ่งหดหู่ไปด้วย แต่ที่ชวนให้ตื่นตระหนกยิ่งกว่าคือ  ทั้งสายน้ำเต็มไปด้วยกระชังปลาเรียงรายเป็นจุดคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของลำน้ำ มองผาดเหมือนแผลพุพองที่ยากเยียวยา     

            ชาวบ้านเลี้ยงปลากระชังกันมากจริงๆ รายได้ซึ่งตักขึ้นจากน้ำแต่ละครั้งน่าจะมากมายมหาศาลอย่างเทียบกันไม่ได้เลยกับการวางเบ็ดลงตาข่ายของชาวบ้านสมัยก่อน ระหว่างกำลังยืนครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ผมเห็นรถสามล้อวิ่งฝุ่นตลบบรรทุกกระสอบอาหารปลาลงไปทางท่าน้ำไม่ขาดสาย  นึกถึงอาหารปลาที่ขนลงไปละลายในสายน้ำทุกวี่วันจนยากประมาณถึง ป่านนี้ลงไปตกตะกอนอยู่หน้าดินมากมายแค่ไหนแล้ว ผมรู้สึกจุกอยู่เต็มหัวอก  เมื่อล่วงรู้ว่ากาลเวลากำลังนำพาหายนะมาสู่สายน้ำ

            ท่าน้ำบริเวณนี้แต่ก่อนทุกคนที่ออกหาปลาจะต้องนำปลาซึ่งหาได้มาขายจนเป็นภาพชินตา  ภาพนั้นล่องลอยเลือนรางอยู่ในอดีต  น้ำเปลี่ยนสีมีลักษณะเหมือนเมือกข้นๆ ปนอยู่ ผมไม่รู้จักใครสักคนซึ่งเดินหิ้วปลาสวายขนาดใหญ่ผ่านไปหลายตัวโดยไม่มีปลาชนิดอื่นปะปนมาเลย  เมื่อก่อนปลาสวายมีไม่มากนัก  จากขนาดที่เห็นพวกมันคงอาศัยกินอาหารที่ชาวบ้านหว่านให้ปลาเลี้ยงอยู่แถวๆ กระชัง ชาวบ้านจึงตกเอามาขาย ปลาสวายคือปลาหากินซากที่ตกจากพื้นน้ำลงสู้หน้าดิน หากที่นี่เต็มไปด้วยปลาสวายน่าจะส่งสัญญาณไม่ดีนัก เพราะเป็นปลาซึ่งมีความอดทนสูงอึดจนรอดอยู่ในทุกสภาพ แสดงว่าน้ำคงใกล้เน่าเสียเต็มที ผมถอนหายใจเดินเลาะไปตามทุ่งหญ้า วันนี้เป็นวันหยุดแต่ไม่เห็นมีเด็กๆ ลงเล่นน้ำกันเป็นกลุ่มใหญ่อย่างสนุกสนานเหมือนครั้งอดีต ไม่ไกลจากที่ผมกำลังเดินไปนัก  ชาวบ้านกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันเสียงเครียด  แม้ยังจับความได้ไม่ถนัด แต่สัญชาตญาณบอกว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปรกติ หลายคนต่างชี้ไปยังเหล่ากระชังหนาแน่นไกลออกไปในเวิ้งน้ำ  ผมมองตามมือ เห็นชาวบ้านอีกกลุ่มใหญ่เคลื่อนไหวกลางพยับแดดอยู่บนกระชังเหมือนกำลังมีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

            “ มีอะไรกันครับ ” ผมถามทั้งที่ยังเดินเข้าไปไม่ถึง

            “ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ดำน้ำลงไปกรีดกระชังปล่อยปลาออกมาหมด สงสัยจับตัวได้แล้ว คนเขาทำมาหากินกันดีๆ เดี๋ยวคงได้โดนรุมตีจนตาย สมน้ำหน้ามัน ” ใครคนหนึ่งในกลุ่มตอบ

            “ ใครจะไปที่นั่นบ้างครับ ผมขอติดเรือไปด้วยคน ”

            ผู้อยากรู้อยากเห็นและผู้เสียหายต่างเร่งเครื่องเรือมุ่งตรงไปยังบ้านแพซึ่งสร้างขึ้นไว้สำหรับนอนเฝ้าปลาตอนกลางคืน คนกลุ่มใหญ่ยืนโอบล้อมมุงอยู่อย่างแน่นหนา  ต่างตะโกนโหวกเหวกโวยวายบ้างด่าทอเสียงดังลั่นชี้ไปยังสิ่งที่อยู่กลางวงล้อม ผู้คนเข้าไปมุงกันมากขึ้นจนแพไหวยวบยาบ ผมพยายามแทรกตัวเข้าไปดูสิ่งที่ทุกคนล้อมกรอบกันเอาไว้ด้วยความสงสัยเต็มประดา

            ชายชราหัวล้านเลี่ยนนั่งก้มหน้าซุกกับเข่าถูกต้อนไปจนมุมตรงซอกแพด้านหนึ่ง ตามตัวเต็มไปด้วยตุ่มน้ำใสๆ บ้างลามเป็นแผลจมลึกจนน่าเสียวสยอง คล้ายแพ้สารเคมีมาเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา

            “ มึงเป็นใครวะ ” สิ้นคำถามใครคนหนึ่ง เสียงฮือฮาถามกันกลับไปกลับมา

            “ ตาโหมด ”  เสียงคนในกลุ่มบอกห้วนๆ “ ตาโหมดผีบ้า ”

            ชื่อนั้นทำให้ผมสะดุ้ง  ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพ่งมองไปยังร่างสั่นเทิ้มนั้น ผมเห็นใบหูแนบกับกกหูอย่างชัดเจน เป็นตาโหมดไม่ผิดเพี้ยน

            “  มึงมาปล่อยปลาพวกกูทำไม หือ ไอ้...” ชายฉกรรจ์บันดาลโทสะ กระแทกคำถามพร้อมเงื้อไม้พายก่อนหวดลงไปอย่างแรงที่ร่างซึ่งแสดงความหวาดกลัวปัดป่ายพัลวัน

            “  เอามันไปส่งตำรวจ ”

            “ ต้องกระทืบมันก่อนให้กระอักเลือดก่อน ”  หลายเสียงสำทับ

            หลายเสียงตะโกนด่าจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผู้คนส่วนใหญ่ทำท่าจะฮือเข้ารุมประชาทัณฑ์ศัตรูซึ่งลักลอบฉีกทำลายหัวใจของพวกเขา ใจผมเต้นโครมครามแต่พยายามบังคับตัวเองให้ยืนนิ่งๆ และก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป ฉับพลันนั้นเฒ่าตะโหมดที่นั่งก้มหน้างอเข่าสั่นเทาอย่างยอมจำนนได้ลุกพรวดขึ้นยืนอย่างกะทันหัน

            “ แอ๊..... ”  เฒ่าตะโหมดร้องเสียงก้องแหลมลั่นเขย่ามวลอากาศรอบคุ้งน้ำ หน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวประหนึ่งเจียนขาดใจ ราวกับความเจ็บปวดทุบถองออกมาจากข้างในอก  ก่อนไหวร่างมุดฝ่าวงล้อมพุ่งลงน้ำดำหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตื่นตะลึงของชาวบ้าน

            ร่วมชั่วโมงที่ทุกคนกระจายกันออกไล่ล่าเฒ่าตะโหมดทั่วคุ้งน้ำ บางคนบนเรือถือปืนลูกซอง ถือฉมวก หลายคนถือท่อนไม้กระชับมั่น เสียงเครื่องเรือหลายลำดังอยู่ในเวิ้งน้ำอย่างไม่มีวี่แววสิ้นสุด แต่หลังจากนั้นไม่นานเสียงตะโกนต่อกันมาด้วยความตื่นตระหนกได้เกิดขึ้นอีก  กระชังปลาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกกรีดเป็นจำนวนมาก เมื่อรู้ว่าเป็นของใครบ้าง หลายคนถึงกับทรุดร่างลงร่ำไห้อย่างไม่อายใคร 

            การตามหาเฒ่าตะโหมดยังดำเนินต่อไปอย่างจริงจังและจดจ่อ หากใครพบเข้าตอนนี้คงหยิบยื่นความตายให้แกด้วยความคลั่งแค้น  ผมขอโดยสารชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กลับเข้าฝั่ง  แวะขอเบอร์โทรศัพท์ที่ร้านขายของชำในหมู่บ้านเก็บไว้ ก่อนรีบขับรถออกมาด้วยความรู้สึกบีบรัดในอก ผมเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของเฒ่าตะโหมด หากได้ลงน้ำแล้วจะไม่มีใครหาแกเจอ  ผมไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเฒ่าตะโหมดได้สูญเสียความสามารถในการจับปลามือเปล่าด้วยหรือไม่ เพราะการรุกล้ำเข้ามาของเหล่าบริษัทผู้กอบโกยผลประโยชน์ กับบรรดาผู้คนต่างถิ่นพร้อมทั้งเรือยนต์ทั้งหลายเป็นสาเหตุ ครั้งนี้กระชังปลาของชาวบ้านคงเสียหายย่อยยับสุดจะคาดเดา ทั้งยังมีผลพวงจากเหตุการณ์ครั้งนี้อีกมาก  สามวันถัดมาผมโทรกลับไปที่หมู่บ้านตามเบอร์ซึ่งขอจากร้านขายของชำ  ไม่มีใครพบตาเฒ่าตะโหมดตามที่ผมคาดไว้  พวกชาวบ้านดาหน้าหาอย่างละเอียดทั่วคุ้งน้ำอยู่สองวันเต็มๆ จนท้อใจเลิกราไปในที่สุด 

        หลังวางสายโทรศัพท์จากเจ้าของร้านชำซึ่งร่ำไห้เสียใจเพราะกระชังถูกกรีดปล่อยปลาออกจนหมด ข่าวว่าบริษัทเพิ่งประกาศขึ้นราคาอาหารอีกเกือบเท่าตัว ทั้งเหตุการณ์ความเสียหายครั้งนี้บริษัททั้งหลายคงยึดเงินประกันนับแสนบาทจากผู้เลี้ยงแต่ละรายโดยไม่มีข้อแม้ ผมไม่สู้แน่ใจว่าตาเฒ่าตะโหมดต้องการขับไล่คนแปลกหน้าผู้บุกรุกย่ำยีสายน้ำหรือไม่ ผมได้แต่พึมพำกับตัวเองว่าพลังอำนาจซึ่งธรรมชาติให้แกไว้ช่างน่าอัศจรรย์

bottom of page